Spreadfirefox Affiliate Button


Jimmy Wales

สมัยนี้หากใครที่ใช้อินเทอร์เน็ตบ่อยๆ แต่บอกว่าไม่รู้จักเวบไซต์สารานุกรมเสรีที่ชื่อ 'วิกิพีเดีย' ก็คงต้องเอาหน้ามุดแผ่นดินกันเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าความรู้ประเภทไหนก็สามารถหาได้ในวิกิพีเดีย และถ้าลองค้นหาข้อมูลอะไรก็ตามในกูเกิล บทความของวิกิพีเดียก็มักจะติดอันดับต้นๆ เสมอ

หลายคนอาจถามว่าที่นี่มีดีอะไร แล้วข้อมูลต่างๆ น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน เพราะด้วยระบบของวิกิพีเดียที่เปิดกว้างให้ทุกคนสามารถเข้าไปเขียน แก้ไข ปรับปรุง หรือเพิ่มเติมบทความของตัวเองและผู้อื่นได้ ทำให้เกิดความเคลือบแคลงว่า "ใครๆ ก็เขียนสารานุกรมได้ แล้วอย่างนี้ข้อมูลจะน่าเชื่อถือได้อย่างไร" รวมถึงอาจมีการกลั่นแกล้งต่างๆ เช่น การแก้บทความกันไปมา การใส่ข้อมูลเท็จ การเซ็นเซอร์บทความ เป็นต้น

เป็นโอกาสที่ดีที่ จิมมี เวลส์ ผู้ก่อตั้งวิกิพีเดีย ได้เดินทางมาปาฐกถาในงาน ICT Expo 2007 ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ข้อสงสัยต่างๆ ข้างต้นที่อาจจะค้างคาใจใครหลายคนมานาน ได้รับการ 'ปลดล็อก' เสียที

"ไม่มีหรอกครับเรื่องเซ็นเซอร์ จะมีก็แต่การประเมินของกองบรรณาธิการ ซึ่งเรามีกระบวนการที่เปิดโอกาสให้คนได้ถกเถียงกันว่า บทความต่างๆ ที่คนเขียนมานั้นสมควรได้รับการเผยแพร่หรือไม่ เพราะบทความที่ดีจริงๆ ในวิกิพีเดียประกอบด้วย 2 ปัจจัยคือ หนึ่ง-เขียนได้ดี และสอง-มีแหล่งที่มาอ้างอิงได้ บางคนเขียนมาโดยไม่มีแหล่งอ้างอิง กองบรรณาธิการก็ต้องลบทิ้ง ซึ่งบางคนอาจเรียกว่านั่นคือการเซ็นเซอร์ แต่ผมเรียกว่าเป็นการประเมินของกองบรรณาธิการ"

เวลส์ เล่าต่อว่า ที่ผ่านมาสารานุกรมออนไลน์ของเขาพยายามให้มีบทความดีๆ แต่แน่นอนว่า ยังทำไม่ได้ทั้งหมด บ่อยครั้งจึงมีคนพูดว่า เรื่องนี้จริงหรือเปล่า น่าเชื่อถือหรือไม่ โดยส่วนตัวคิดว่า ปล่อยให้เป็นกระบวนการเรียนรู้ของคนที่ใช้วิกิพีเดียเองจะดีกว่า แต่ละคนจะได้เรียนรู้ว่าเรื่องไหนน่าเชื่อถือและเรื่องไหนควรได้รับการแก้ไขหรือปรับปรุง

"ส่วนการแก้บทความกันไปมาระหว่างผู้เขียน 2 คน ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่เราก็มีกฎเกณฑ์ที่ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามแก้บทความกลับไปเป็นเหมือนเดิมถึง 3 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าคุณละเมิดกฎนี้ก็จะถูกแบนจากวิกิพีเดียเป็นเวลา 24 ชั่วโมง"

แม้เวลส์จะยืนยันว่าไม่มีการเซ็นเซอร์ในวิกิพีเดียอย่างแน่นอน แต่บนโลกออนไลน์ก็ยังมีเวบไซต์ที่ออกมาโจมตีวิกิพีเดียว่า ข้อมูลต่างๆ และบทความในวิกิพีเดียไม่มีความน่าเชื่อถือ ลำเอียง หรือแม้กระทั่งไม่เป็นความจริงด้วยซ้ำ

"เวลาเวบไซต์ไหนดัง ก็มักจะมีเรื่อง (การโจมตี) ทำนองนี้อยู่เสมอ แต่ก็อย่างที่บอกครับ ถ้าบทความใดมีคุณภาพ ก็จะมีการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ใครจะโจมตีหรือวิจารณ์อะไรก็ไม่ว่ากัน เพราะผมก็บอกได้ว่า นี่ไงล่ะ...ข้อมูลอ้างอิง ซึ่งผู้อ่านก็แค่เลื่อนหน้าเวบลงไปด้านล่าง แล้วคลิกที่ข้อมูลอ้างอิงเพื่อเช็คกลับไปที่ต้นตอว่าข้อมูลความรู้เหล่านั้นมาจากที่ไหน อาจจะมาจากในอินเทอร์เน็ตหรือในหนังสือก็ได้ แต่คุณก็สามารถเช็คได้ด้วยตัวคุณเอง"

และนี่เป็นเหตุผลที่ว่าใครก็ตามสามารถเขียนบทความในวิกิพีเดียได้ ไม่ว่าจะจบ ป.4 หรือปริญญาเอก เพียงแต่ผู้เขียนต้องอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูล ไม่ใช่เขียนขึ้นมาลอยๆ แต่ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ทำให้บางคนวิพากษ์วิจารณ์เวลส์ว่าเขาเป็นพวกต่อต้านหัวกะทิ หรือ Anti-Elitist

"บางคนเรียกผมหรือวิกิพีเดียว่าอย่างนั้น แต่เราไม่ใช่พวกต่อต้านหัวกะทิหรอกครับ เพราะเราถือว่าเราเป็นพวกหัวกะทิเองนั่นแหละ แต่เป็นหัวกะทิในแบบของเราเอง ถ้าจะเป็นพวกต่อต้านอะไรบางอย่าง ผมก็อาจจะเป็นพวกต่อต้านคนจบปริญญามากกว่า อย่างเช่นถ้าคุณจะมาเอาชนะการถกเถียงหรือข้อโต้แย้งใดๆ ด้วยการบอกว่าคุณจบปริญญาเอกนะ ผมว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ ถูกต้อง คุณอาจจะรู้ในบางเรื่อง แต่ยังไงช่วยอ้างอิงที่มาของสิ่งที่คุณรู้ด้วยนะ (หัวเราะ)"

"วิกิพีเดียเป็นสังคมเปิดครับ ทุกคนสามารถแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน แม้จะมาจากต่างสัญชาติ ต่างวัฒนธรรมกันก็ตาม คนส่วนใหญ่ในนั้นก็มักจะชื่นชมและนับถือคนที่รู้จริงในสิ่งที่เขียน แต่ถ้าใครไม่รู้จริง ผมกล้าพูดได้เลยว่า เขาคนนั้นก็ไม่ควรที่จะมาเขียนสารานุกรม"

การเป็นคนตรงไปตรงมาของเวลส์ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บางคนรู้สึกไม่พอใจหรือหมั่นไส้ในตัวเขา แม้กระทั่งการสร้างวิกิพีเดียภายใต้การดำเนินงานแบบมูลนิธิ ก็สร้างความประหลาดใจให้แก่ใครหลายคนพอสมควร เพราะจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกขณะนี้ที่มีอยู่ประมาณพันล้านคน สามารถสร้างรายได้ให้วิกิพีเดียได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว

"ในช่วงที่ผมเริ่มก่อตั้งเวบไซต์นี้ เป็นช่วงที่เกิดวิกฤติของธุรกิจดอทคอม เวลานั้นตลาดหุ้น NASDAQ ร่วงลงอย่างมาก ไม่มีใครอยากลงทุนในธุรกิจประเภทนี้อีก แต่ผมก็ลงทุนด้วยเงินตัวเองทั้งหมด โดยคิดแต่เพียงว่าจะทำเป็นงานอดิเรกเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะทำเป็นธุรกิจเลย"

งานอดิเรก...กำเนิดสารานุกรมเสรี

ใครจะรู้ว่าความคิดแรกของการสร้างสารานุกรมเสรีที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ จะเริ่มจากสิ่งที่เป็น hobby ของเวลส์เท่านั้น เพราะถ้าว่ากันตามจริงแล้ว เวลส์ก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงไซเบอร์มาก่อนด้วยซ้ำ เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการเงิน และวนเวียนอยู่ในแวดวงการเงินและตลาดหุ้นเป็นหลัก โดยในระหว่างที่ทำงานอยู่นั้นก็เรียนต่อปริญญาโทและเอกด้านการเงินไปด้วย

"ในช่วงที่ผมเรียนปริญญาเอกอยู่นั้น เป็นจังหวะที่ Netscape เพิ่งเข้าตลาดหุ้น และไม่นานมันก็มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้ผมแทบช็อกเลยทีเดียว มันบ้าเอามากๆ เหลือเชื่อจริงๆ และนั่นก็จุดประกายให้ผมเริ่มหันมาสนใจโลกแห่งอินเทอร์เน็ตมากขึ้น"

ความสนใจด้านอินเทอร์เน็ตของเวลส์นั้น มีมากกว่าที่หลายคนคาดคิด เขาถึงกับเปลี่ยนใจไม่ส่งวิทยานิพนธ์เอาดื้อๆ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่จบดอกเตอร์ในที่สุด แต่เวลส์บอกว่าเหตุผลที่เขาไม่ส่งวิทยานิพนธ์ก็เพราะเขาแค่เบื่อกับการเรียนปริญญาเอกเท่านั้นเอง

"ผมเบื่อมากๆ เลย แล้วที่จริงผมก็ยังสนุกกับงานที่ทำอยู่ในขณะนั้นด้วย ประกอบกับสนใจทำโครงการเวบไซต์เล็กๆ ที่เกี่ยวกับความรู้เสรีเท่านั้นเอง"

เวลส์พูดถึงเวบไซต์ที่ชื่อ 'นูพีเดีย' (Nupedia) ซึ่งเป็นสารานุกรมเสรีที่ให้ผู้ใช้เข้าไปเขียน ปรับปรุง และแก้ไขบทความกันเอง โดยมีวิกิพีเดียเป็นเวบไซต์รองรับบทความเบื้องต้น จากนั้นจึงค่อยส่งเรื่องที่สมบูรณ์แล้วไปเผยแพร่ในนูพีเดีย แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน วิกิพีเดียกลับโตเร็วแซงหน้านูพีเดียเสียอีก เวลส์จึงหันมาพัฒนาวิกิพีเดียแทน

"ผมพบว่าคนสนใจเข้ามาเขียนบทความกันมากขึ้น โดยไม่แบ่งแยกสัญชาติและวัฒนธรรม ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก และมันจะไม่มีทางเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ ถ้าผมทำเป็นธุรกิจ เพราะที่ผ่านมาเราสามารถตัดสินใจทำโครงการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลกำไรสุทธิ แต่ถึงยังไง ผมก็ยอมรับว่าการที่วิกิพีเดียดำเนินงานภายใต้มูลนิธิก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เนื่องจากเรามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ และค่าเซิร์ฟเวอร์ที่เรามีอยู่ถึง 4 แห่ง ซึ่งถ้าเรามีเงินมากกว่านี้ หรือมีรายได้ดีอย่างกูเกิล เราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้อีกเยอะเลย แต่ถามว่าถึงขั้นขัดสนหรือไม่ ไม่เลยครับ เราใช้วิธีการรับบริจาค ซึ่งทำบ้างเป็นบางครั้ง และก็มีคนบริจาคให้เราเสมอ"

ความโด่งดังของวิกิพีเดีย ข้อมูลความรู้อันมากมาย และการดำเนินงานภายใต้องค์กรการกุศลเช่นนี้ บางคนก็อดคิดดีใจไม่ได้ว่า ถ้าอย่างนั้นในอนาคตเราคงหาความรู้ได้ฟรีๆ ในวิกิพีเดีย โดยไม่ต้องไปหาซื้อหนังสือมาอ่านเลยล่ะสิ หรือว่า amazon.com คงจะต้องเจ๊งแน่ๆ ใช่ไหม

"ไม่หรอกครับ ผมไม่คิดว่าในอนาคตความรู้ทุกอย่างจะเป็นของฟรี สำหรับความรู้ทั่วไปอาจจะฟรี หรือมีราคาถูกมากๆ แต่ถ้าเป็นความรู้เฉพาะทางก็คงไม่ฟรี เทคโนโลยีจะเป็นตัวทำให้ความรู้มีราคาถูกลงหรือกลายเป็นของฟรีไปเลย อย่างในวิกิพีเดียเป็นต้น แต่ถ้าคุณอยากจะอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็คงหาไม่ได้ในวิกิพีเดีย ผมคิดว่ายังไงคนก็คงซื้อหนังสืออ่าน แต่หนังสือก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้ามันมีราคาแพงเกินไป คนก็จะก๊อบปี้ไปแจกจ่ายกันในอินเทอร์เน็ตแทน ถึงแม้การอ่านบนหนังสือจริงๆ จะรู้สึกดีกว่าการอ่านบนจอคอมพิวเตอร์หลายเท่าก็ตาม"

วิกิพีเดียทำให้อินเทอร์เน็ตในวันนี้กลายเป็นโลกเสรีมากยิ่งขึ้น ความรู้ทุกอย่างถูกเผยแพร่ถึงกันอย่างไร้พรมแดนและไร้ราคา แม้เวลส์จะบอกว่าในอนาคตเรายังต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อแลกความรู้บางอย่างมา แต่เขาอาจลืมนึกถึงพฤติกรรมศาสตร์ของคนใช้อินเทอร์เน็ตไปอย่างหนึ่ง

นั่นก็คือคนส่วนใหญ่ยังคิดเสมอว่าทุกอย่างบนโลกไซเบอร์นั้น...เป็นของฟรี

บารมี นวนพรัตน์สกุล baramee@sukiflix.com
27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550



ข้อมูลเพิ่มเติม Jimmy Wales, WikiPedia, NuPedia

Powered by ScribeFire.

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550 0 ความคิดเห็น


GOM Player หรือชื่อเต็มคือ (Gretech Online Movie Player) เป็นโปรแกรมเล่น File Media ต่างๆ ที่ทำออกมาเพื่อการแจกฟรี โดยเฉพาะ ทีสำคัญ มันสามารพเล่น File หนังได้เกือบทุกนามสกุล อันนี้แหล่ะครับ ที่ว่าเจ๋ง!!! และโปรแกรมนี้ใช้งานง่ายกว่า Media Player ของ Microsoft และ เรียกขึ้นมาใช้งานได้อย่างรวดเร็วเสียด้วย

นอกจากนี้ GOM Player ยังสามารถเปลี่ยน Skin ได้ด้วยทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องจำเจกับรูปแบบเดิมๆ หน้าตาเดิมๆของโปรแกรมครับ และนอกจากนี้ GOM Player ยังมีรางวัล ที่น่าสนใจอีก 2 รางวัลมา การันตีเสียด้วย




ปัจจุบัน (ณ. วันที่เขียนบทความ) Gom Player ออกมาถึงเวอร์ชั่น 2.1.8.3683 แล้วครับ ซึ่ง เวอร์ชั่นนี้นั้นแตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆดังนี้

GOM Player 2.1.8.3683 is released. This is a major update and it is available using GOM Player's auto update now. It should also be available from download.com shortly.

It is strongly advised that you upgrade to this version. All previous versions have a known buffer overflow vulnerability.

The following changes are made.
  • bug fix: buffer overflow
  • new feature: delete files from Easy Browser using DELETE key
  • new feature: option to automatically sort files when you add a file to playlist
  • bug fix: properly plays MP4(AVC1) files made by certain programs
  • new feature: option to recursively add all files under a directory on playlist
  • new feature: option to pause when minimized
  • bug fix: playback for certain video types
  • new feature: option to sort by directory name on playlist
  • new feature: black list filter
  • new feature: option to maintain the new play speed
  • bug fix: properly finds keyframe when seeking
  • supports Bluetooth multimedia keys
  • supports FLV4 video codec
  • new feature: audio sync control
  • better recognition of TS files
  • other minor fixes/updates
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ GOM Player 2.1.8.3683 Released ,

ทีนี้ เราก็สามารถแย้งประโยคที่มักบอกว่า ของฟรี และ ดี ไม่มีในโลกได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ
------------------------------------------------------

ที่มา Wikipedia, GOM Player

Powered by ScribeFire.

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş 0 ความคิดเห็น

โดยสัปดาห์นี้จะเป็นเรื่อง 6 สัญญาณอันตราย ฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย ว่ากันว่าผู้ใช้บางท่านรู้สึกแย่มากๆ ที่อยู่ดีๆ ฮาร์ดดิสก์สุดที่รักก็จากไปอย่างไม่หวนคืน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันมีสัญญาณเตือนให้ทราบอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หาได้สังเกตไม่ ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะไม่มีนิสัยรักการแบ็คอัพ ประเภทรักเดียวใจเดียวไม่สำรองข้อมูลไว้ที่อื่นกันบ้างเลย ประเด็นที่อยากจะเตือนผู้ใช้ก็คือ อย่ามั่นใจเทคโนโลยีมากเกินไป ควรสังเกตสังกามันบ้าง ต่อไปนี้คือ ลางบอกเหตุสำหรับฮาร์ดดิสก์ที่ใกล้ตาย ซึ่งมีอยู่ 6 ข้อด้วยกัน อ่านทิปนี้จบแล้วลองพิจารณาดูด้วยนะครับว่า ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อยู่มีอาการตามนี้บ้าง หรือไม่
  1. LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ไม่ยอมดับ แม้มันจะฟังดูเกินเหตุ เนื่องจากบางทีมันอาจจะมาจาก LED มีปัญหาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว การที่ LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์สว่างอยู่ ตลอดเวลา ค่อนข้างจะชัดเจนว่า มันมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ และยิ่งปล่อยเนิ่นนานไป ปัญหาจะลุกลามไปจนแก้ไม่ได้ในที่สุด

  2. ฮาร์ดดิสก์ใช้เวลานานกว่าจะพร้อมทำงาน ฮาร์ดดิสก์ของคุณใช้เวลาในการบู๊ตนานเกินไป หรือเปล่า? จริงอยู่ที่มันอาจจากการที่ต้องโหลดโปรแกรมเริ่มต้นการทำงานหลายตัว แต่ถึงนั้นก็เถอะ ถ้ามันใช้เวลาเกินกว่าสองนาทีก็ถือว่า มีพิรุธแล้ว เพราะนั่นอาจเกิดจากการอ่าน หรือเขียนข้อความที่ผิดพลาดบนฮาร์ดดิสก์อยู่ก็ได้

  3. ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา File Table ได้ ถ้าฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา Windows Master File Table (MFT) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังเกิดการล่มของการทำงานอย่างไม่คาดฝัน กรณีนี้แทบจะเรียกได้ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณเข้าขั้นโคม่าเต็มทีแล้ว

  4. CHKDSK แสดงเซคเตอร์เสีย (bad sector) Bad sector คือความจริงของชีวิต การที่ยูทิลิตี้แสดงว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณมี bad sector นั่นหมายความว่า ความเสื่อมสภาพกำลังคืบคลานเข้ามาสู่ฮาร์ดดิสก์ของคุณทีละก้าวๆ แม้มันจะช้ามาก แต่เป็นสัญญาณเตือนที่คอยบอกคุณว่า ความหายนะกำลังใกล้เข้ามาเยือนฮาร์ดดิสก์ของคุณแล้ว

  5. ฮาร์ดดิสก์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปกติฮาร์ดดิสก์เวลาทำงานจะอุ่นๆ อยู่แล้ว แต่ถ้ามันร้อนมากจนรู้สึกได้ บางครั้งมีกลิ่นออกมาเลย ถ้ามีอาการเช่นนี้ก็เตรียมทำพิธีได้เลย ฮาร์ดดิสก์ของคุณใกล้ตายเต็มทีแล้ว

  6. ประวัติของฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ที่เคยตกบนพื้นแข็ง (ขณะที่มันยังคงทำอยู่ หรือไม่ก็ตาม) หรือได้รับความร้อนมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อฮาร์ดดิสก์ได้รับการติดตั้งไว้ใกล้กับพัดลมระบายความร้อนซีพียู หรือพัดลมเสีย ซึ่งทั้งสองกรณีทำให้ความร้อนภายในสูงขึ้น ความร้อนนี้จะส่งผลให้ฮาร์ดดิสก์เริ่มมีอาการเอ๋อ อย่างเช่น มีปัญหาในการอ่าน หรือเขียนไฟล์ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ อายุของฮาร์ดดิสก์จะสั้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย และหากฮาร์ดดิสก์มีประวัติทำนองนี้อยู่ล่ะก็ อายุของมันไม่ยืดแน่นอนครับ


Powered by ScribeFire.

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş 0 ความคิดเห็น

Windows XP มีโปรแกรมซ่อนอยู่ตั้ง 23 โปรแกรม ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักมันมาจากการที่จำเป็นต้องใช้มันนั้น เราจะไม่มีทางได้ใช้มันเลย เพราะบางโปรแกรม มันไม่อยู่ใน StartMenu ให้เรากด บางโปรแกรมถึงติดตั้งมาโดยที่เอาออกไม่ได้ บางโปรแกรมเป็นโปรแกรมที่มาจากวินโดว์รุ่นก่อน (ทั้งๆที่ XP ก็มีโปรแกรมนั้นแล้ว) มาดูกันว่า 23 โปรแกรมนั้นมีอะไรบ้าง

วิธีการใช้ก็เข้าที่ Start -> Run -> พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้
  1. charmap.exe = Character Map (มีประโยชน์มากสำหรับใช้พิมพ์อักขระพิเศษ)

  2. cleanmgr.exe = Disk Cleanup (เอาไว้ทำความสะอาดหรือ Clear พื้นที่)

  3. clipbrd.exe = Clipboard Viewer (ดูข้อมูล ในคลิปบอร์ด)

  4. drwtsn32.exe = Dr Watson (โปรแกรมที่ใช้ตัวสอบว่าวินโดว์มีปัญหาเพราะอะไร)

  5. dxdiag.exe = DirectX diagnosis (โปรแกรมตรวจสอบอุปกรณ์ว่า สนับสนุน DirectX หรือไม่และแสดงรายชื่อไฟล์ที่เกี่ยวข้อง)

  6. eudcedit.exe = Private character editor (โปรแกรมที่อนุญาตให้เราแก้ไขฟอนต์ หรือทำฟอนต์เองได้)

  7. iexpress.exe = IExpress Wizard (โปรแกรมที่สร้างไฟล์ Setup ของวินโดว์เอาไว้สำหรับคนที่เขียนโปรแกรมบนวินโดว์)

  8. mobsync.exe = Microsoft Synchronization Manager (โปรแกรมที่คอยเก็บหน้าเว็บ หรือไฟล์บนเครือข่าย เอาไว้ดูตอน offline ได้)

  9. mplay32.exe = Windows Media Player 5.1 (โอ้ Windows Media Player รุ่นคุณปู่)

  10. odbcad32.exe = ODBC Data Source Administrator (โปรแกรมไว้จัดการกับดาต้าเบต)

  11. packager.exe = Object Packager (โปรแกรมที่ใส่พวก Objects ต่างๆ ลงในไฟล์)

  12. perfmon.exe = System Monitor (โปรแกรมนี้ มีประโยชน์มาก ไว้ตัวสอบประสิทธิภาพของวินโดว์)

  13. progman.exe = Program Manager (เชลล์ไฟล์ของวินโดว์ 3.11)

  14. rasphone.exe = Remote Access phone book (โปรแกรมที่เอาไว้ ติดต่อหรือเข้าถึงข้อมูลของสมุดที่อยู่ในเครื่องอื่น)

  15. regedt32.exe = Registry Editor [เหมือนกับ regedit.exe] (ไว้ใช้สำหรับแก้ไข Registry ของวินโดว์)

  16. shrpubw.exe = Network shared folder wizard (สร้างแชร์โฟดเดอร์บนเครือข่าย)

  17. sigverif.exe = File siganture verification tool (โปรแกรมตรวจสอบ signature ของไฟล์)

  18. sndvol32.exe = Volume Contro (โปรแกรมไว้ปรับระดับเสียงไง อันเดียวกับรูปลำโพงตรง tray icon)

  19. sysedit.exe = System Configuration Editor (โปรแกรมแก้ไข system.ini กะ win.ini)

  20. syskey.exe = Syskey (Secures XP Account database – เป็นโปรแกรมที่ใช้ เข้ารหัส รหัสผ่านของวินโดว์ กรุณาใช้อย่างระมัดระวัง)

  21. telnet.exe = Microsoft Telnet Client (โปรแกรม telnet)

  22. verifier.exe = Driver Verifier Manager (โปรแกรมตรวจสอบ driver ต่างของวินโดว์ ใช้สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องไดร์เวอร์)

  23. winchat.exe = Windows for Workgroups Chat (โปรแกรม chat รุ่นคุณปู่ มีเฉพาะในวินโดว์ ตระกูล NT)
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ ไม่น้อยสำหรับ คนที่ เพิ่งรู้นะครับ(รวมถึงผมด้วย)


ที่มา :Newhandman จาก DVD Game Online

Powered by ScribeFire.

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş 0 ความคิดเห็น

โลกนี้ไม่ได้มีแต่ Microsoft และ Windows นะจะบอกให้

Subscribe here

เวลา ไม่เคยคอยใคร