Spreadfirefox Affiliate Button

จากข่าวที่ผมไปอ่านเจอจากเว็บ engadget ว่า



Palm invites us to 'see and hear what's new' at CES 2010 By Chris Ziegler posted Dec 15th 2009 3:59PM Breaking News



CES 2009 was a biggie for Palm, what with webOS and the Pre and all. Will they top it in 2010? And if so, how? A Verizon partnership seems plausible, if not likely -- but otherwise, your guess is as good as ours. Anyhow, keep it locked right here next month and you'll be finding out just as we do!



สาวกปาล์มทั้งหลาย (เช่นผมเป็นต้น) จะได้เห็นอะไรดีๆเกิดขึ้นหรือเปล่าน๊า


พูดกันตามตรง ผมชอบ PalmOS มากๆเลยล่ะ เพราะใช้งานง่าย และ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว แถม Hang ยากมากๆด้วย ไม่เหมือน WindowsMobile ที่มักมีปัญหาในเรื่องง่ายๆ และ ปัจจุบันเท่าที่ได้เห็น WebOS ก็เจ๋งอยู่ไม่น้อย หาก Palm ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปจริงๆ ก็นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง


อยากบอกว่าผมแอบคาดหวังเล็กๆว่า Palm น่าจะมีอะไรเจ๋งๆออกมาโชว์ในงานนี้ไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้น Palm คงจะไม่ได้ผุดได้เกิดในตลาดอีกต่อไป




Technorati : , ,

Del.icio.us : , ,

Zooomr : , ,

Flickr : , ,

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

พอดีวันนี้ค้นหาเรื่อง Twitter แล้วไปเจอบทความเกี่ยวกับการติดตั้ง Twitter Gadget ลงใน Gmail ก็เลยคิดว่า เอ้อ มันเจ๋งดีแฮะ ก็เลยขโมยของเค้ามาแปะไว้หน่อย ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวว่าหลังจากนี้จะหาไม่เจอน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ (แต่ถ้าเก็บไว้ใน Blog ของตัวเองมันก็อีกเรื่องนึง อิอิ)

ว่าแล้วก็ดูเนื้อหาของเค้าเลยดีกว่า เหอๆๆๆ
ติดตั้ง Twitter Gadget เพื่อใช้ Twitter ใน Gmail

สวัสดีครับ

สำหรับพวกเราหลายๆ คนที่ใช้ Twitter เป็นกิจวัตร ผมมีวิธีการติดตั้ง Twitter Gadget ลงใน Gmail มาฝากครับ หลัีงติดตั้งแล้ว เราสามารถใช้ Twitter ไปพร้อมๆ กับการทำงานใน Gmail

รายละเอียด Features ของ Twitter Gadget for Gmail
  • OAuth authentication, your Twitter account password is not required.
  • Supports multiple Twitter accounts
  • Mark all as read(like Google Reader)
  • Automatically refresh
  • Reply, Re-tweet inline
  • View reply to inline
  • Gmail look and feel
  • SSL support
  • (new)Share tweets with your friends(your Gmail friends group' contacts)
  • (new)Twitter Search
ส่วนวิธีการติดตั้ง Twitter Gadget for Gmail ให้ทำดังนี้ครับ
หลังจากติดตั้ง Twitter Gadget For Gmail แล้ว เราจะได้ Twitter Gadget อยู่ทางด้านซ้ายของ Gmail ซึ่งเราต้องพิมพ์ twitter user name และ twitter password เพื่อ authorize access twitter



หลังจากนี้ เราก็สามารถใช้งาน twitter ใน Gmail แล้วครับ โดยการพิมพ์ข้อความในช่อง input status และ click ที่ twitter link หรือ profile image เพื่อแสดง twitter home

ที่มา ติดตั้ง Twitter Gadget เพื่อใช้ Twitter ใน Gmail


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

ห่างหายไปหลายวันกับบทความดี ๆ จากนิตยสารไอที วันนี้เรามีบทความแนะนำการบำรุงรักษาอุปกรณ์สำคัญของคอมพิวเตอร์ นั่นก็คือ “ฮาร์ดดิสก์” จากกองบรรณาธิการนิตยสาร Chip มาฝากกันค่ะ ซึ่งสำหรับใครที่ยังมีฮาร์ดดิสก์อยู่กับตัว ไม่พังไปเสียก่อน อ่านบทความนี้แล้วหมั่นปฏิบัติตามนะคะ รับรองว่าดีต่อฮาร์ดดิสก์ของคุณแน่นอนค่ะ

โปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่เป็นประจำทำงานช้าลงหรือเปล่า? หรือพีซีอายุใช้งาน 4 เดือนของคุณมีอาการงอแงหรือไม่? ต่อไปนี้คือวิธีการแก้ปัญหาและเพิ่มความเร็วให้กับฮาร์ดดิสก์ตัวเก่งของคุณ

การเป็นเจ้าของและใช้งานฮาร์ดดิสก์โดยไม่เคยสแกนตรวจสอบก็เหมือนกับการมีรถยนต์คันหรูที่เอาแต่ขับอย่างเดียวไม่เคยเข้าศูนย์บริการ ซึ่งทิปต่อไปนี้สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องลงแรงมากนัก เพียงแค่เจียดเวลาสักนิดในการปฏิบัติตาม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนใหม่และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  1. สแกนหาไวรัส
    จัดเป็นข้อควรปฏิบัติที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่คุณควรให้ความสำคัญและหมั่นทำเป็นประจำ เราคงไม่ต้องบอกคุณแล้วว่าไวรัสในปัจจุบันนั้นมีฤทธิ์เดชร้ายแรงแค่ไหน เอาเป็นว่าให้คุณลองนึกถึงตอนที่ไฟล์ข้อมูลสำคัญในฮาร์ดดิสก์ถูกทำลายหรือเสียหายเพียงแค่เพราะว่าคุณไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสเอาไว้ในเครื่อง หรือใครที่ติดตั้งเอาไว้แล้วก็ไม่ควรชะล่าใจ ลองตรวจสอบวันที่ของฐานข้อมูลไวรัส (Virus Definition) ถ้าเก่าเกินกว่า 30 วันก็ควรรีบทำการอัพเดตให้เป็นเวอร์ชันปัจจุบันเพื่อการป้องกันที่เต็มประสิทธิภาพ จากนั้นทำการสแกนฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในระบบ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้กำหนดตารางเวลาในการสแกนเป็นประจำทุกสัปดาห์
  2. ปัดกวาดไฟล์หรือขยะที่ไม่ได้ใช้
    ยิ่งใช้งานเครื่องมานานเท่าใด ไฟล์ข้อมูลเก่าๆ หรือขยะในเครื่องก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ข้อมูลเก่า โปรแกรมเก่า ไฟล์ชั่วคราวที่หลงเหลือจากการท่องอินเทอร์เน็ตรวมทั้งไฟล์ที่ตกค้างจากการติดตั้งโปรแกรมในโฟลเดอร์เก็บไฟล์ชั่วคราวของวินโดว์ส ซึ่งวิธีการง่ายๆ ในการกำจัดไฟล์ขยะเหล่านี้ก็คือการใช้ยูทิลิตี้ Disk Cleanup ของวินโดว์สหรือจากออปชันทำความสะอาดไฟล์ในโปรแกรม IE โดยตรง (Tools -> Internet Options)
  3. กำจัดขยะในซอกหลืบ
    แม้ว่าคุณจะทำการลบไฟล์ขยะด้วยตัวเองไปแล้ว แต่ก็ยังอาจมีเศษขยะที่มองไม่เห็นตกค้างอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของคุณอีกมากมาย โดยเศษขยะในที่นี้หมายรวมถึงบรรดาสปายแวร์หรือแอดแวร์ต่างๆ ด้วย ซึ่งวิธีการตรวจสอบหาขยะเหล่านี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษคือโปรแกรมอย่างเช่น Ad-aware หรือ Spybot Search & Destroy ที่หาดาวน์โหลดได้ฟรีจากอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญคืออย่าลืมอัพเดตฐานข้อมูลให้กับโปรแกรมดังกล่าวก่อนเริ่มทำการสแกนระบบด้วย
  4. หมั่นใช้สแกนดิสก์
    เมื่อใดก็ตามที่พื้นที่เก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เกิดบกพร่องเสียหาย เรามักจะใช้คำแทนจุดบกพร่องนั้นๆ ว่า “Bad Sector” ซึ่งมีความหมายว่าบริเวณพื้นผิวของจานแม่เหล็กเกิดความเสียหายจนไม่สามารถทำการอ่านข้อมูลได้ ซึ่งวิธีการแก้ไขนั้นคือการใช้ยูทิลิตี้ Scandisk ของวินโดว์สในการตรวจสอบหาจุดที่เกิด Bad Sector และย้ายข้อมูลที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ ไปยังเซกเตอร์อื่นๆ ที่ปกติทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของไฟล์ข้อมูล โดยในหน้าต่างยูทิลิตี้ Scandisk นั้นให้คุณเลือกออปชัน Scan for and attempt recovery of bad sectors ด้วยก่อนเริ่มทำการสแกน นอกจากนี้หากคุณใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 98/Me แนะนำให้ปิดการทำงานของสกรีนเซฟเวอร์ก่อนเริ่ม Scandisk ด้วย
  5. จัดเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบ
    โปรแกรม Defragmenter ที่ไม่ต้องเสียเวลาหาให้ไกลเพราะมีอยู่ในวินโดว์สทุกเวอร์ชันแล้วนั้นจะช่วยในการจัดเรียงข้อมูลที่ถูกเขียนลงฮาร์ดดิสก์อย่างสะเปะสะปะให้มีระเบียบและเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้หัวอ่านฮาร์ดดิสก์ไม่ต้องทำงานหนักและใช้เวลาในการอ่านข้อมูลสั้นลง และโปรดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าโปรแกรมจะจับไฟล์ในโฟลเดอร์ของคุณไปสลับสับเปลี่ยนหรือเรียงไว้ในโฟลเดอร์อื่นๆ จนหาไม่เจอ เพราะการ Defrag นั้นจะทำการจัดเรียงไฟล์ข้อมูลบนดิสก์เท่านั้นไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการเก็บไฟล์ในวินโดว์สแต่อย่างใด
  6. เก็บทุกอย่างให้เข้าที่
    ขั้นตอนนี้จะเรียกว่าเป็นวินัยส่วนตัวก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นลิ้นชักตู้เสื้อผ้าหรือฮาร์ดดิสก์ก็ล้วนต้องการระบบระเบียบในการจัดเก็บที่ดีด้วยกันทั้งนั้น ฟังดูอาจเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่ถ้าฝึกให้เป็นนิสัยตั้งแต่แรกก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ส่วนใครที่ยังเก็บไฟล์ทุกชนิดทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสารเวิร์ด ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เพลง ฯลฯ ปนกันมั่วไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องปวดหัวในการค้นหาไฟล์เมื่อต้องการใช้งานให้ดี แต่ถ้าไม่อยาก ... ก็สละเวลาจัดการจัดไฟล์ลงโฟลเดอร์ให้เรียบร้อยเสียตั้งแต่วันนี้
  7. แบ็กอัพข้อมูล
    ไม่มีฮาร์ดดิสก์รุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่จะมีอายุยืนยาวอยู่กับคุณไปตลอดกาล แต่ถึงแม้ในที่สุดฮาร์ดดิสก์ของคุณจะหมดอายุขัย ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลทั้งหมดที่เก็บอยู่ในนั้นจะสูญหายไปด้วย เพียงแต่สิ่งที่คุณควรต้องหมั่นทำเป็นกิจวัตรก็คือการแบ็กอัพไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ เก็บไว้ในฟล๊อบปี้ดิสก์ แผ่นซีดี ดีวีดี หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ใช้งานอยู่ หรือถ้าที่กล่าวมานั้นมันยุ่งยากหรือทำให้คุณลำบากเกินไป แนะนำให้ใช้ทัมป์ไดรฟ์ที่ปัจจุบันมีราคาแสนถูก และถ้าไม่ลำบากเงินในกระเป๋าจนเกินไปเลือกรุ่นที่จุ 128MB ขึ้นไปจะดีมาก
  8. เทขยะอย่าให้เหลือไฟล์ตกค้าง
    เมื่อคุณกดปุ่ม Delete เพื่อลบไฟล์ ซึ่งในทางปฏิบัติดูเหมือนว่าไฟล์ข้อมูลของคุณจะถูกลบออกไป แต่ในทางทฤษฎีนั้นไฟล์ของคุณจะยังไม่ถูกลบออกไปจริงๆ เพียงแต่วินโดว์สจะทำเครื่องหมายไว้ในพื้นที่ส่วนนั้นๆ ว่าเป็นที่ว่างและเมื่อใดที่มีการเขียนไฟล์ข้อมูลก็สามารถเขียนทับตำแหน่งนั้นๆ ได้ นอกจากนี้วินโดว์สจะนำไฟล์ที่คุณลบไปใส่ไว้ในถังขยะ (Recycle Bin) เผื่อกรณีที่คุณเกิดเปลี่ยนใจหรือตัดสินใจพลาด หากใครช่างสังเกตจะพบว่าแม้จะลบไฟล์ข้อมูลไปแล้วแต่พื้นที่ว่างในอาร์ดดิสก์นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะข้อมูลนั้นๆ ยังนอนรอชะตากรรมอยู่ในถังขยะ (Recycle Bin) นั่นเอง ดังนั้นหากคุณมั่นใจว่าไม่ใช้งานแล้ว หรือไม่ต้องการให้ใครมาแอบคุ้ยถังขยะเอาข้อมูลส่วนตัวของคุณไป แนะให้คลิกขวาที่ไอคอน Recycle Bin แล้วเลือกคำสั่ง Empty Recycle Bin เพื่อกำจัดขยะในถังให้สิ้นซาก
  9. แบ่งพาร์ทิชันเพื่อเก็บข้อมูล
    ฮาร์ดดิสก์โดยทั่วไปที่ออกมาจากโรงงานนั้นจะไม่มีการแบ่งพาร์ทิชันเอาไว้ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือซื้อ 80GB ก็จะได้ไดรฟ์ C: ความจุ 80GB มาใช้งาน แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำให้คุณทำการแบ่งฮาร์ดดิสก์ออกเป็นส่วนๆ หรือที่เรียกว่าการแบ่งพาร์ทิชันนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ 80GB นำมาแบ่งเป็น 2 พาร์ทิชัน พาร์ทิชันละ 40GB ซึ่งคุณก็จะได้ไดรฟ์มาใช้งาน 2 ไดรฟ์คือไดรฟ์ C: และไดรฟ์ D: ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนอกจากจะช่วยลดภาระของหัวอ่านและเพิ่มความเร็วในการทำงานของฮาร์ดดิสก์แล้ว คุณยังสามารถแยกไฟล์สำคัญๆ มาเก็บไว้ในไดรฟ์แยกต่างหากจากไดรฟ์ที่ติดตั้งวินโดว์สซึ่งอาจโดนไวรัสเล่นงานจนเสียหายได้อีกด้วย ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนั้นคุณสามารถทำได้ในขณะที่ติดตั้ง Windows XP เลย แต่ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่เป็นไรเพราะปัจจุบันมีโปรแกรมสำหรับการนี้มากมายซึ่งที่นิยมใช้กันมากที่สุดได้แก่โปรแกรม Partition Magic
  10. เลือกความเร็วให้เหมาะกับงาน
    วิธีการที่ผ่านมานั้นสามารถช่วยให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณสามารถทำงานได้เร็วขึ้นได้อีกเล็กน้อย อย่างไรก็ดี หากคุณกำลังมองหาหรือตัดสินใจซื้อฮาร์ดดิสก์ใหม่ แนะนำให้พิจารณาเลือกรุ่นความเร็วที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่คุณต้องการใช้งาน เช่น เลือกรุ่นที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็ก 5,400 RPM (รอบ/นาที) ที่มีราคาถูกถ้าคุณใช้เพียงโปรแกรมทั่วๆ ไปเช่น เล่นอินเทอร์เน็ต รับ-ส่งอีเมล์ หรือพิมพ์งานด้วยโปรแกรมเวิร์ด หรือถ้างานของคุณเกี่ยวกับการตกแต่งภาพถ่าย เล่นเกม ก็อาจเลือกซื้อรุ่น 7200 RPM หรืออาจจะเป็น 10,000 RPM เลยก็ได้หากทำงานประเภทตัดต่อวิดีโอเป็นหลัก ซึ่งฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็กสูงและมีขนาดของแคชภายในมากจะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานให้กับคุณมากยิ่งขึ้น
ที่มา FW Mail


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

(^_^) ยิ้ม ( ธรรมดา )

(^ ^) niko niko ฮิฮิฮิ.. ( อมยิ้ม )

(*^ _^*) nikott ปิ๊งๆ ยิ้มมีประกาย

(^0^) / wa~i! ยกมือขึ้นแล้วร้อง “ว้าว”

(>___<) bun bun ไม่..ไม่..ไม่....

( ^_^)/U*U(^_^ ) kampai! คัมไป.... ชนแก้ว

m ( _ _ ) m gomennasa~i, yoroshiku-onagaishima~su โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยเถิด ,ฝากเนื้อฝากตัวด้วยฮับ

o (^_-) O paanchi!) ปั่กกก... ขอซัดหน่อยเหอะ

W(`0`)W ฮึ่มมมมม.... ร้องโกรธอย่างแรงง

(^3^) – Chu!! จุ๊บๆๆขอจ๊วบดังๆ ทีนะ

(^.^)/~~~ bai ba~i โบกผ้าเช็ดหน้าพร้อมกับกล่าวลาก่อน

(;_;)/~~~ bai ba~i ร้องให้โบกผ้าเช็ดอำลาหน้าพร้อมน้ำตา

(-.-)y-.o0O tabako สูบบุหรี่อย่างผ่อนคลาย

(^^)y-~~~ tabako สูบบุหรี่อย่างมีความสุข

(^_-)-* uinku ปิ๊งปิ๊ง กระพริบตาให้

(^_-)db(-_^) yubikiri เกี่ยวก้อยสัญญานะ

(/^o)/(/o^)/ odori ออกมาเต้นน เอ๊า..ออกมาเต้น

(=^.^=) neko เมี๊ยววว

~~~~~(m--)m yuurei ผีตาโบ๋มา...

(o|o) Ultraman อุลตร้าแมนงัยย

ที่มา FW Mail

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

วิธี download video จาก Youtube เป็น .mp4 (480x320) หรือ .3gp (176x144) โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
  1. เข้า web http://www.youtube.com แล้วค้นหา video ที่ต้องการ download
  2. copy URL เช่น http://www.youtube.com/watch?v=tXZksIkha8g
  3. นำมาวางใน http://www.yt-video.com แล้ว click Get Link
  4. จะขึ้นรายละเอียดของ video ที่ต้องการ download และ ปุ่มให้ download เป็น .mp4 .3gp หรือ .flv
ไฟล์ที่ได้จากการ download จะมีความคมชัดกว่าดูผ่าน web เพราะเราสามารถเลือก download เป็น .mp4 ได้ แต่ถ้าดูผ่าน web ความคมชัดจะขึ้นอยู่กับความเร็วอินเตอร์เน็ตของเรา เช่น net ความเร็วต่ำถ้าดูผ่าน web จะได้ความละเอียดเป็น .3gp (176x144) เพราะจะทำให้ไม่กระตุก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับต้นฉบับที่อยู่ใน server Youtube ด้วย


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น


อยากบอกว่า ตั้งชื่อ รุ่นได้ มักง่ายมากๆ หากจะบอกว่า เป็น เวอร์ชั่น Preview ตามที่เว็บหมาไฟมันบอกไว้ ก็บอกมาซิว่าเป็น Preview ไม่ใช่มาตั้งเลขเวอร์ชั่นแบบนี้ ก่อนหน้านี้ ก็กระโดดจาก 3.1 Beta 3 มาเป็น 3.5 Beta 4 ทีนึงแล้ว

ว่าแต่ว่า พอ Upgrade แล้ว หน้า Welcome มันเป็นเหมือนรูปข้างล่างอ่ะ

Image Hosted by ImageShack.us
เป็น กันดั้ม มาเลย -_-"

แต่ไหงเวอร์ชั่นนี้ถึงไม่บอกล่ะ ว่า Upgrade อะไรไหม่มั่งอ่ะ อยากรู้จริงๆนะเนี่ย ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปมั่ง


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552 1 ความคิดเห็น


และแล้วการกำหนดออกของ Palm Pre ก็ถูกระบุอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วครับ โดยทาง Sprint ได้ออกแถลงการณ์เรียบร้อยแล้วว่าเครื่อง Palm Pre จะออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 199.99 เหรียญ ซึ่งหากตีเป็นเงินไทยคร่าวๆก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท ซึ่งราคา 199.99 เหรียญนั้น คือราคาหลังจากทำการ Mail-rebate แล้วอีก 100 เหรียญ ซึ่งเท่ากับว่าราคาหน้าร้านเค้าจะต้องตั้งอยู่ที่ 300 เหรียญ แล้วให้ผู้ซื้อทำการ rebate เองอีก 100 เหรียญ เครื่องแบบไม่ติดสัญญาราคา $549.99

ใน บ้านเรานั้นกลยุทธ์แบบ mail-in rebate (MIR) นั้นไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะในอเมริกา สินค้าหลายๆอย่างทั้งเครื่องไฟฟ้าและสินค้าอุปโภคบริโภคนิยมใช้กลยุทธ์ทาง การตลาดแบบนี้ ง่ายๆก็คือให้เราซื้อสินค้าไปเป็นจำนวนเต็มก่อน เช่น 300 เหรียญ แล้วค่อยส่งคูปองในกล่อง หรือชิ้นส่วนหลักฐานการซื้อใดๆก็ได้แล้วแต่ผู้ขายจะกำหนด นำส่งคืนชิ้นส่วนกลับมาพร้อมแบบฟอร์ม แล้วทางบริษัทก็จะส่งเช็ค หรือเงินกลับไปให้ทางผู้ซื้ออีกที ซึ่งกลยุทธ์รูปแบบนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมมากในอเมริกา แน่นอนว่าหลายๆคนต้องสงสัยว่า แล้วผู้ขายจะทำไปเพื่ออะไร จะได้ประโยชน์จากการทำ mail-in rebate อย่างไร ประโยชน์ที่ผู้ขายจะได้รับก็คือ สินค้าจะดูเป็นที่น่าดึงดูดสนใจ ช่วยในการเพิ่มยอดขาย และเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ก่อน แล้วค่อยคืนให้ภายหลัง ซึ่งส่วนมากจะใช้เวลาในการคืนเงินส่วนลดประมาณ 2-3 เดือน รวมถึงการป้องกันการคืนสินค้าจากการ Full refund

เมื่อหลายปี ก่อนนี้เคยมีเรื่องข่าวว่า บริษัทแห่งหนึ่งก็เคยระดมทุนโดยใช้การ mail-in rebate โดยออกขาย แผ่น DVD เปล่าราคาถูก แค่แพ๊คละ 1 เหรียญ แต่ต้องจ่ายก่อน 20 เหรียญ แล้วจ่ายเงินคืน 19 เหรียญอีก 3 เดือนข้างหน้า เท่ากับว่าเค้าได้เงินกู้ระยะสั้น พร้อมจ่ายดอกเบี้ยเป็นแผ่น DVD นั่นเอง



กลับมาว่ากันต่อดีกว่า สำหรับ Palm Pre รุ่นที่จะออกจำหน่ายนั้นยังคงไม่ใช่ระบบ GSM นะครับ อย่าเพิ่งรีบร้อนดีใจกันไปก่อน มันจะเป็นระบบ CDMA ซึ่งนอกจากราคาดังกล่าวแล้ว Sprint ยังใจดีแถมสัญญาผูกมัดให้ฟรีอีก สองปี มาแนวเดียวกับสไตล์ iPhone อีกแล้ว และหากในอนาคตทางเจ้าอื่นจะออกจำหน่าย Palm Pre ในเวอร์ชั่น GSM ราคามันจะเป็นเท่าไรยังไม่มีใครทราบ แต่เวอร์ชั่น GSM หนะมีแน่นอน เพราะมันมีภาพหลุดเครื่อง Palm Pre ตัวจริงที่ใช้ SIM ออกมาให้ชมกันไปแล้วหลายครั้ง ทาง BusinessWeek เองเคยออกข่าวว่า iSuppli บริษัทวิจัยต้นทุนฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าไฮเทคฯ และ Gadget ต่างๆนั้นเค้าเคยเปิดเผยตัวเลขของเครื่อง Plam Pre มาก่อนหน้านี้แล้วว่ามันจะมีค่าตัวอยู่ที่ 138 เหรียญ ซึ่งหากตีเป็นเงินไทยก็ตกราวๆเกือบๆ 5 พันบาท แต่ในขณะที่ iPhone นั้นต้นทุนการผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 170 เหรียญ หรือประมาณ 6 พันบาท แต่ราคาดังกล่าวก็คือราคาต้นทุนที่ยังไม่บวก ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าวิจัย กำไร ค่าบริหารจัดการต่างๆ

ก่อนหน้านี้ iSuppli เคยเดาว่า Palm Pre จะต้องขายให้ โอเปอเรเตอร์ Sprint ที่ราคา 300 เหรียญฯ แล้ว Sprint จะขายที่ 200 ลบค่า rebate อีก 100 ซึ่งการคาดเดาของ iSuppli ในครั้งนี้ถือว่า เดาได้ถูกเป๊ะทีเดียว

ส่วนเครื่อง GSM แบบ unlock นั้นน่าจะมีราคาที่ต่ำกว่าหน่อย เพราะว่าจำนวนการผลิตมันมากกว่าเยอะ ทำให้ต้นทุนมันลดลงซึ่งราคา ค่าตัวในเวอร์ชั่น GSM น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 ร้อยกว่าเหรียญ หรือบวกมากกว่าหน่อย ซึ่งคิดเป็นเงินไทยก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ หมื่นกว่าบาท เอาหละครับ สรุปแล้วผมว่า Palm Pre ในเวอร์ชั่นรูปแบบ GSM เครื่อง unlock ผมเดาว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณเกือบๆ 2 หมื่นบาท หากมีจำหน่ายในบ้านเรา +ค่านำเข้าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งหากเป็นผู้ขายเค้าน่าจะตั้งอยู่ที่ 22,000 เพราะเลขสวย เผื่อลดราคาและทำโปรโมชั่นในอนาคต หรือหากเอาแบบให้ตลาดฮือฮา ก็ต้องเปิดมาที่ 19,900 บาท

ปัญหาตอน นี้คือว่า Palm Pre มันยังไม่มีใครระบุแน่ชัดว่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายแน่นอน แม้ว่าดูอนาคตมันจะสดใสก็ตาม แต่เชื่อเถอะครับว่า หากไม่มีใครเป็นตัวแทนแน่นอน งานนี้หวานหมูเสร็จ MBK แน่นอนหากมีเครื่องรุ่น GSM แบบ unlock ออกมาจำหน่าย ปัญหาต่อมาคือแล้วภาษาไทยจะทำอย่างไร ? เพราะทันเป็นระบบปฎิบัติการตัวใหม่ Web OS ที่ยังไม่เคยมีใครพัฒนามาก่อน

เท่าที่ดูจากในบทความรีวิว ต่างประเทศ และ VDO ต่างๆผมว่า Palm Pre นี่แหละน่ากลัวที่สุด ทุกอย่างลงตัวหวาดหวั่นอยู่อย่างเดียวคือการทำตลาดของบริษัท Palm ที่ในตอนนี้ก็ไม่สู้จะดีนัก แต่หากมวยยกนี้ พลิกล๊อค บริษัท Palm ก็อาจจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกรอบอย่างแน่นอน หน้าจอเครื่องรุ่นนี้ ระบบสัมผัส เป็นแบบเดียวกับ iPhone เลยครับ คือมีทั้ง Multitouch และเป็นระบบ Capacitive screens และป้อนข้อมูลง่ายกว่า iPhone เพราะมี Keyboard ด้านล่างให้มาด้วย
ได้เวลาหยอดกระปุก 555 (ว่าแต่ว่า ราคามันแพงกว่า Computer เครื่องนึงอีกนะเนี่ย)

ที่มา Palm Pre ออกแน่วันที่ 6 มิถุนายนนี้ ราคาเครื่อง 7000 บาท

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

เพราะว่าหน้าตามันดันกลายเป็นแบบนี้

Image Hosted by ImageShack.us


คุ้นๆว่า มันเป็นรหัสมอสใช่ป่าวว๊าาา พอ Click เข้าไปดู ก็เลยถึงบางอ้อครับ เค้าระลึกถึง แซมมวล มอร์ส จริงๆด้วยครับ

ปล. อยากบอกว่า ผมชอบ Google ที่เป็นแบบนี้ครับ น่าสนใจดี ^_^


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

สำหรับผมนั้น ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ปัจจุบัน ผมใช้ Palm T|T3 อยู่ และ จะยังใช้ต่อไปตราบเท่าที่มันยังไม่พัง แต่ตอนนี้ สภาพมันสุดๆแล้วล่ะครับ พี่น้อง Batt ซึ่งเปลี่ยนมา 2 รอบ ก็เริ่มไปแล้ว เร่าๆ ว่าจะต้องเปลี่ยนรอบที่ 3 เร็วๆนี้แล้วด้วย พร้อมๆกับโทรศัพท์มือถือเครื่องที่ใช้อยู่ก็ เกเร เกตุงอยู่บ่อยๆ ผมก็เลยคิดว่า เอาล่ะ หาจะซื้ออุปกรณ์ทั้ง 2 อย่างนี้ใหม่ แล้วจะซื้ออะไรดี ความคิดยังไม่ทันตกผลึก เจ้า Palm Pre ก็ได้ปฏิสนธิออกมาให้ได้ยลโฉม สำหรับผมแล้ว ยอมรับครับ ว่าตกหลุมรักมันอย่างจัง!!!! ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้เป็นคนที่ไม่ชอบให้อุปกรณ์ 2 อย่างนี้อยู่รวมกันในเครื่องเดียว แต่เห็นเจ้า Palm Pre แล้ว ผมยอมที่จะละเลยข้อนี้ไปครับ ฮ่าๆๆๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน เจ้าตัวนี้ยังไม่มีตัวเป็นๆ ออกมาขายแต่อย่างใด มีเพียงออกมายั่วน้ำลาย ก็เท่านั้น ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังชั่งใจอยู่ ผมก็มีข้อเปรียบเทียบเล็กๆน้อยๆให้พิจารณานะครับ โดยผมขโมยมาจาก Mr.Palm ฮ่าๆๆๆๆ



ได้ข่าวหนาหูขึ้นเรื่อยๆว่า Palm Pre เตรียมจะออกแล้วนะ แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าจะออกเมื่อไร และใครจะเป็นตัวแทนนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย รวมทั้งราคาเครื่องจะเป็นเท่าไร แต่ที่แน่ๆ มีผู้ใช้ในบ้านเราต่างกุมเงินเตรียมรอจ้องอยู่เพียบ และสาวกอย่าง Windows Mobile หลายๆคนก็พร้อมใจที่จะสลับค่ายย้ายมาหา Palm Pre รุ่นใหม่นี้ วันนี้เลยขอนำหัวข้อเปรียบเทียบที่พอนึกออกนำมาลองเปรียบเทียบระหว่าง Windows Mobile กับ Palm Pre ให้ชมกันเล่นๆเป็นข้อมูลครับ เผื่อฟลุ๊คๆจะได้ย้ายค่ายกับเค้าบ้าง
  1. จอสัมผัส

    Palm Pre เท่านั้นที่สนับสนุนมัลติทัชและ Palm Pre ได้เปรียบอีกจุดตรงที่มี gesture area สัมผัสได้นอกจอได้ แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Windows Mobile ในบางรุ่นขณะนี้อย่าง HTC Touch Diamond 2 ก็มีส่วนของ Zoom Bar สามารถสั่งงานได้คล้ายๆกัน แต่ว่าใช้ได้เฉพาะฟังค์ชั่นตอน Zoom เท่านั้น ขนาดจอของเครื่อง Windows Mobile นั้นมีให้เลือกหลากหลายกว่า ตั้งแต่ขนาดจอเล็ก 2.6 นิ้ว จนไปถึง 3 นิ้วกว่าๆ แต่จอของ Palm นั้น ขนาดหน้าจอใหญ่สุดคือ 3.1-inch 24-bit color 480 x 320 display ซึ่งในตอนนี้มีเพียง Pre รุ่นเดียว เลยทำให้ไม่มีทางเลือกอื่น
    • High-speed wireless (EV-DO Rev. A or HSDPA, depending on version) GSM Coming soon!
    • 802.11b / g WiFi
    • Integrated GPS
    • 3.1-inch 24-bit color 480 x 320 display
    • Dedicated gesture area below display
    • Slide-out portrait QWERTY keyboard
    • Exchange email support in addition to POP and IMAP
    • IM, MMS, and SMS messaging
    • High-performance browser
    • 3-megapixel camera with LED flash and "extended depth of field"
    • 3.5mm headphone jack
    • Bluetooth 2.1 + EDR with A2DP
    • 8GB of internal storage
    • USB mass storage mode
    • MicroUSB connectivity with USB 2.0
    • Proximity sensor for detecting when phone is near face
    • Light sensor to automatically dim display
    • Ringer mute switch
    • Removable rechargeable battery
    • 59.57 x 100.53 x 16.95mm closed
    • 4.76 ounces



  2. การทำงานแบบ multitasking

    การ ทำงานของ Palm Pre และ Windows Mobile ทั้งสองเครื่องนั้นมีระบบการทำงานแบบ Multi Tasking ทั้งคู่นั่นหมายความว่า เครื่องจะสามารถทำงานหลายๆโปรแกรมพร้อมกันได้ แต่การทำงานในแบบ Multi Tasking นั้นจะว่าไปแล้วเหมือนดาบสองคม คือหน้าจอพวกเครื่อง PDA Phone เหล่านี้มันเล็ก การทำงานของโปรแกรมหลายๆตัวเวลาเดียวกันเลยทำให้สังเกตได้ยากมาก กว่าจะรู้ตัวว่ามีโปรแกรมแอบ run อยู่ ก็ตอนที่เครื่องอืดเป็นเต่า หรือไม่ก็ค้างไปแล้ว การจัดการเรื่องการปิดโปรแกรมต่างๆของ Palm Pre ทำได้ดีกว่า Windows Mobile รุ่นปัจจุบันมาก เพราะสามารถแสดงภาพการทำงานโปรแกรมต่างๆคล้ายๆสลับไพ่ไปมา แล้วก็ปิดก็เพียงแต่ตวัดนิ้วบนหน้าจอเพื่อโยนโปรแกรมทิ้งไปก็จบแล้ว

  3. กล้อง

    ใน เครื่อง Palm Pre นั้นจะให้กล้องมาที่ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Flash แต่ทว่า ในเครื่อง Windows mobile สมัยนี้นั้นมันพัฒนาไปไกลกว่ามาก โดยมาตราฐานกล้องระดับสูงของเครื่องในแบบ Windows Mobile นั้นขยับไปที่ 5 ล้านพิกเซลกันแล้ว และยังมีโปรแกรมการรองรับแปลกๆที่ใช้งานร่วมกับกล้องอีกเพียบ เช่น Foot Print ใน HTC Touch Cruise



  4. แพลตฟอร์มการพัฒนา

    Palm webOS ใช้ HTML/CSS/JavaScript ซึ่งเริ่มพัฒนาได้ง่าย แต่ก็อาจะแพ้ทาง Windows Mobile ที่มี SDK เต็มรูปแบบมากกว่า แต่ด้วยการพัฒนาบนแพลตฟอร์มที่ง่ายๆอย่าง HTML เชื่อครับว่า ผู้พัฒนาในอนาคตน่าจะมีมากกว่าเยอะ หากให้เดา ผมว่ามันน่าจะคล้ายๆพวก Web Clipping สมัยก่อนของ Palm ที่ใช้งานในลักษณะ Web Base เป็นหลัก คือเขียนโปรแกรมส่วน Client เป็น HTML แปะไว้ที่เครื่อง เวลาการทำงานจริงๆใช้ Net เชื่อมต่อไปสั่งงานบนโปรแกรมใน Server อีกทีหนึ่ง



  5. แท่นชาร์จไร้สาย

    Palm Pre ถือว่าพัฒนาเรื่องแท่นชาร์จไปไกลเหนือคู่แข่งหลายๆเจ้า เพราะใช้แท่นชาร์จแบบไร้สายที่เรียกว่า Touch Stone ซึ่งดูเผินๆตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นแท่นสำหรับยึดกันขโมยเสียอีก เหมือนเวลาที่เราไปยืนทดลองเครื่องตัวอย่างตามบูธขายมือถือในห้างที่มันจะมี สายสลิงเชื่อมต่อติดกัน ตอนแรกผมคิดว่าอย่างนั้นแต่ว่าทำไมไม่มีสาย แต่ในความจริงแล้วมันคือแท่นชาร์จตัวใหม่ของ Palm Pre ต่างหากและน่าจะเป็น อุปกรณ์เสริมที่เราจะต้องซื้อเพิ่มเติมภายหลัง เจ้า Touch Stone นี้มันก็ทำเอาผมงงไปอีกรอบว่ามันชาร์จไฟได้อย่างไร เพราะมันเป็นแท่นคล้ายๆลูก ไอซ์ ฮ๊อกกี้ วางมุมเฉียง 45 องศา ภายในจะมีแม่เหล็ก ซึ่งต้องใช้ร่วมกับฝาหลังของเครื่อง Palm Pre เท่านั้น ซึ่งจะต้องเป็นฝาหลังแบบพิเศษด้วย คาดว่าน่าจะให้มาพร้อมกับชุดแท่น Touch Stone นี่แหละ และเมื่อเรานำเครื่อง Palm Pre ไปวางเอาไว้มันก็จะมีแม่เหล็กทำการดูดเครื่องยึดไว้กับแท่นอัตโนมัติ โดยขณะที่วางเครื่องลงไปนั้นมันก็จะทำการชาร์จไฟให้ไปพร้อมๆกัน โดยทาง Palm เองก็คุยว่า เจ้า Touch Stone นี้มันจะทำการชาร์จเครื่องแบบรวดเร็วใช้เวลาในการชาร์จน้อยกว่าเดิมมาก โดยเจ้า Touch Stone นี้มันจะไม่มีส่วนใดที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าเลย คล้ายๆกับที่ชาร์จของแปรงสีฟันไฟฟ้านั่นแหละ

    สำหรับเทคโนโลยีการ ชาร์จไฟแบบใหม่นี้ เค้าเรียกชื่อว่า induction technology ซึ่งตามที่พอทราบมามันก็คือเป็นการเหนี่ยวนำไฟฟ้าโดยใช้แม่เหล็กนั่นเอง



  6. Software

    Palm ยกเครื่อง OS ใหม่หมดเป็น Palm webOS ซึ่งแน่นอนว่าโปรแกรมต่างๆที่จะนำมาติดตั้งเพิ่มเติมในเครื่องรุ่นใหม่นี้ ต้องยกเครื่องใหม่หมดเช่นเดียวกัน หากเทียบกับ Windows Mobile ที่ในตอนนี้มีโปรแกรมให้ลองใช้ทั้งแบบฟรีและเสียเงินนับหมื่นนับพันโปรแกรม และเป็นโปรแกรมใหม่ที่ออกกันแทบทุกวัน ตรงจุดนี้คือข้อเสียเปรียบอย่างเลี่ยงไม่ได้ของ Palm Pre รุ่นใหม่นี้ ซึ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็เป็นปี กว่าจะได้โปรแกรมตุนไว้ในโกดังให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้กัน แต่อย่างไรก็ตาม Palm เองมี โปรแกรมประเภทอิมูเลเตอร์ ที่สามารถใช้โปรแกรมเก่าๆพวกไฟล์ PRC หรือ PDB ในแบบ Palm รุ่นเก่า ก็ยังสามารถนำโปรแกรมเหล่านั้นนำมาติดตั้งทำงานบนเครื่องรุ่น Palm Pre ใหม่นี้ได้ แต่การทำงานจะสมบูรณ์ 100% หรือไม่นั้น ผมคิดว่ายาก มากสุดก็ได้ไม่เกิน 80-90%

  7. อินเตอร์เฟสในแบบ Touch

    อย่าง ที่ทราบๆกันว่า Windows Mobile นั้นมันไมได้ออกแบบมาให้ใช้นิ้วแทน Stylus ตั้งแต่แรก แต่เหล่าบรรดาพันธมิตรหลายๆบริษัทที่ผลิตเครื่อง Windows Mobile ต่างก็แก้เกมส์โดยการออกแบบโปรแกรมแบบ Touch Interface ครอบลงบน Windows Mobile อีกที ซึ่งจะทำให้การทำงานคล้ายๆกับ iPhone ที่ใช้นิ้วเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่ Work สมบูรณ์อยู่ดี แต่หากมองทาง Palm Pre นั้นจะมาแนวเดียวกับ iPhone คือไม่มี Stylus เน้นใช้นิ้วเป็นหลักเพราะฉะนั้นโปรแกรมและเมนูทุกอย่างในเครื่องจึงรองรับ การใช้นิ้วที่สมบูรณ์มากกว่าเยอะ



  8. PIM & Office Tools

    ตราบ ใดที่ Windows ยังครองเมืองอยู่ ยังไง Windows Mobile ก็ยังทำงานร่วมกับ Outlook หรือโปรแกรมประเภท Office ต่างๆได้สมบูรณ์กว่าทุกๆค่ายอย่างแน่นอน ซึ่ง Palm Pre แม้จะโฆษณาว่าตนเองนั้นสามารถทำงานร่วมกับโปรแกรม Office ต่างๆได้ก็ตามแต่อย่างไรแล้วมันก็ไม่มีโอกาสที่จะสมบูรณ์เท่ากับ Windows Mobile อย่างแน่นอน

  9. แบตเตอรี่

    ตอนนี้ เครื่อง Palm Pre ตัวจริงยังไม่ออกขาย เลยยังไม่สามารถพูดได้ว่าเครื่องมันจะประหยัดไฟได้เหมือนกับ Palm รุ่นเก่าหรือไม่ แต่ก็ดีที่ว่า Palm Pre นั้นมันสามารถถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนได้ ไม่เหมือนกับ iPhone แต่หากมองในมุมของ Windows Mobile นั้น เรื่องแบตเตอรี่ไม่ใช่ปัญหาเพราะเครื่องในปัจจุบันของ Windows Mobile นั้นมันก็บริโภคแบตเตอรี่ในระดับที่รับได้อยู่แล้ว และยังมีแบตเตอรี่สำรองที่หาซื้อได้ง่ายกว่าเยอะ

  10. การเชื่อมต่อกับเว็บ

    Palm webOS ถูกออกแบบมาโดยอิงกับบริการบนอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นจุดขายหลัก ก็ถือว่าด้านนี้ได้เปรียบกว่า Windows Mobile แต่การทำงานสำหรับตลาดเมืองไทยนั้น ระบบเครือข่ายความเร็วสูงอย่าง 3G ที่จะรีดประสิทธิภาพ Palm Pre ออกมาได้อย่างเต็มที่ ในบ้านเราถือว่ายังไม่ได้เปรียบอะไรมากนัก ซึ่งจุดนนี้ยังมองว่า Palm Pre ยังเสียเปรียบ Windows Mobile อยู่หลายช่วงตัว

  11. Integrated GPS

    แม้ ว่า Palm Pre จะมี GPS ภายในเครื่องก็ตาม แต่สำหรับตลาดเมืองไทยหาก Palm Pre เข้ามาจำหน่ายจริงเรื่องของ GPS อาจจะเป็นปัญหา เรื่องที่ยังไม่มี Software และข้อมูลแผนที่รองรับการทำงาน เพราะเนื่องจากมันเป็นระบบปฎิบัติการที่ยังใหม่อยู่ คงยังไม่มีโปรแกรมใดรองรับในขณะนี้ แต่ก็ใช้ว่าจะมีมีหนทางเอาเสียเลย หาก Palm Pre สามารถทำงานบนโปรแกรมเก่าๆได้ โปรแกรมการทำงาน GPS ก็ยังมีให้ใช้อยู่ โดยเฉพาะของทาง ESRI เองก็มีโปรแกรมในรูปแบบ Palm OS รองรับอยู่แล้วเพียงแต่การทำงานมันจะสมบูรณ์ได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง แต่หากเทียบกับ Windows Mobile แล้ว Garmin XT คือคำตอบสุดท้ายของ Windows Mobile ในเวลานี้

  12. อนาคตและความเชื่อมั่น

    ตรง ส่วนนี้ต้องวัดใจกันแบบเต็มๆ อย่างที่ทราบกันว่า Palm เองนั้นเหมือนคนป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ใหม่ๆ ซึ่งได้เพียงแค่ลุกออกจากเตียงมาเดินโฉบฉายเท่านั้น แม้ว่าจะบอกว่าตัวเองหายป่วยดีแล้วก็ตาม แต่พื้นฐานหลายๆจุดทั้งเรื่องการบริการ และความมั่นคงทางด้านการเงินยังไม่ดีนัก ซึ่งอาจจะล้มฟุบลงเตียงอีกเมื่อไรก็ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ทาง Windows Mobile เปรียบเหมือนนักกีฬาที่ฟิตร่างกายพร้อมต่อสู้กับคู่แข่งทุกเจ้าอยู่ตลอดเวลา แถมยังมีค่ายมวยชื่อดังอย่าง ไมโครซอฟท์ และพี่เลี้ยง โค๊ช เก่งๆอย่าง HTC , Samsung , ASUS คอยช่วยเหลืออีกเพียบ โอกาสพลาดท่านั้นยากทีเดียว หากจะลงทุนกับ Palm Pre นั้นมันก็เหมือนกับซื้อนักกีฬาแบบรองบ่อนที่มีดูแล้วมีหน่วยก้านดี แต่อนาคตยังไม่รู้ว่าจะไปรอดได้แค่ไหน
พร้อมกับบทความเก่าๆที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเชื่อว่า น่าจะเพียงพอให้ใครหลายๆคน ที่กำลังคิดว่าจะซื้อไอ้เจ้าตัวนี้ดีหรือไม่นั้น น่าจะมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่งแล้วนะครับ

ที่มา
Mr.Palm


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

กูเกิลขยาย"Gmail Labs"พร้อมใช้49ภาษาทั่วโลก

กูเกิลพัฒนา Gmail Labs พร้อมใช้งานแล้ว 49 ภาษาทั่วโลก เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นบริการฟรีอีเมลของกูเกิล

พรทิพย์ กองชุน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด – ประเทศไทย ของกูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า กูเกิลนำเสนอฟีเจอร์ขั้นทดลองแก่ผู้ใช้ทั่วโลกในโอกาสฉลอง Gmail ครบรอบ 5 ปี โดยการพัฒนา Gmail Labs พร้อมใช้งานแล้วใน 49 ภาษาทั่วโลก เพื่อให้ Gmail Labs เป็นพื้นที่สำหรับทดลองฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นบริการฟรีอีเมลของกูเกิล

Gmail Labs นำเสนอเครื่องมือที่แปลกใหม่และเป็นประโยชน์สำหรับการปรับปรุงและปรับ แต่งกล่องจดหมายตามความต้องการของผู้ใช้ Gmail Labs เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 โดยนำเสนอ 43 ฟีเจอร์ใน 43 สัปดาห์ และปัจจุบันฟีเจอร์ส่วนใหญ่พร้อมใช้งานทั่วโลกเป็นภาษาท้องถิ่น รวมถึงภาษาไทย ผู้ใช้จะสามารถเปิดและปิดการใช้งานฟีเจอร์ Gmail Labs ได้ง่าย ด้วยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ตัวอย่างฟีเจอร์ของ Gmail Labs ได้แก่
  1. ออฟไลน์ จีเมล (Offline Gmail) – เข้าถึงอีเมลของคุณและเขียนอีเมลแม้กระทั่งในช่วงเวลาที่คุณไม่สามารถเชื่อม ต่ออินเทอร์เน็ตได้ และเมื่อคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงที่คุณกระทำก็จะถูก ซิงโครไนซ์เข้ากับระบบ

  2. ยกเลิกการส่ง (Undo Send) – เพิกถอนการส่งอีเมลหลังจากที่คลิกส่งไปแล้วไม่เกิน 5 วินาที

  3. เมาไม่ส่ง (Mail Goggles) – ภายในช่วงเวลาที่กำหนด เครื่องมือนี้จะอนุญาตให้คุณส่งอีเมลได้ในเฉพาะกรณีที่คุณสามารถตอบโจทย์เลข ง่ายๆ ได้อย่างถูกต้อง มิฉะนั้นคุณก็ควรจะเข้านอนเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาตอบโจทย์อีกครั้งในตอนเช้า

  4. เครื่องตรวจจับการลืมไฟล์แนบ (Forgotten Attachment Reminder) – ป้องกันไม่ให้คุณเผลอส่งข้อความโดยไม่ได้แนบไฟล์ที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นหากคุณเอ่ยถึงไฟล์แนบไว้ในอีเมล แต่คุณยังไม่ได้แนบไฟล์ใดๆ

  5. Tasks – เพิ่มรายการสิ่งที่ต้องทำไว้ในกล่องจดหมายของคุณ โดยคุณจะสามารถสร้างรายการงานด้วยตนเอง หรือสร้างจากอีเมลโดยตรง และแก้ไขรายการจากโทรศัพท์ของคุณในขณะที่คุณกำลังเดินทาง
การเปิดตัว Gmail Labs ทั่วโลกในช่วงเวลาที่ Gmail ครบรอบ 5 ปี เป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องใน Gmail Labs ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพัฒนาการของ Gmail ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างโปรแกรมอีเมลที่แปลกใหม่และใช้งานง่าย สำหรับผู้ใช้

“หาก มองย้อนกลับไปในอดีตขณะเมื่ออีเมลยังคงผูกติดอยู่กับระบบเดสก์ทอป เราจะพบว่าตอนนั้นอีเมลมีข้อจำกัดอย่างมากทั้งในเรื่องของพื้นที่เก็บข้อมูล และประโยชน์ใช้สอย เนื่องจาก Gmail ทำงานบนระบบ Cloud ที่แปลว่าเมฆในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเราจึงสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว และนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์และมีประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ภาษาใหม่ๆ สำหรับ Gmail Lab ได้แก่ เบงกาลี บัลแกเรีย คาตาลัน จีน (ดั้งเดิม, ประยุกต์) โครเอเชีย เช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ เยอรมัน กรีก คุชราต ฮินดี ฮังกาเรียน ไอซ์แลนด์ อินโดนีเซีย อิตาลี ญี่ปุ่น คันนาดา เกาหลี ลัตเวีย ลิธัวเนีย มาเลย์ มาลายาลัม มาราธี นอร์เวย์ โอริยะ โปแลนด์ โปรตุเกส (บราซิล, โปรตุเกส) โรมาเนีย รัสเซีย เซอร์เบีย สโลวัก สโลเวเนีย สเปน สวีเดน ตากาล็อก ทมิฬ เตลูกู ไทย ตุรกี ยูเครน และเวียดนาม

แม่งจะครองโลกแระ *_T


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ได้ไปอ่านข่าว "Palm Pre ใช้โปรแกรมเดิมๆของ Palm OS ได้แล้ว" นี้ ที่เว็บ Mr.Palm เข้า ก็เท่านั้นเอง ฮ่าๆๆๆ

สำหรับหน้าตานั้น ก็จะเป็นอย่างในรูปข้างล่างครับ (สังเกตุว่าสวยงามใช้ได้เลยล่ะครับ)




ส่วนใครที่อยากดูในส่วนของ VDO การทำงาน ก็ Click เข้าไปดูที่บทความเรื่อง "Palm Pre ใช้โปรแกรมเดิมๆของ Palm OS ได้แล้ว" ได้เลยครับ เว็บ Mr.Palm เค้าทำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

งานนี้ Palm คงเรียก สาวกเก่าๆ กลับมาได้เพียบเลยล่ะครับ (ถ้าไม่ปล่อยให้เค้ารอจนนานเกินไป, และ ราคาไม่แพงจนเกินไป ฮ่าๆๆๆ)

ที่มา Mr.Palm


เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552 0 ความคิดเห็น

ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ที่จั่วหัวแบบนี้ เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนผมเพิ่งจะไปล้างเครื่องให้กับรุ่นน้องคนนึงที่รู้จักกัน หลังจากที่เครื่องเค้ามีปัญหาเรื่อง VIRUS และ การเล่น NET ที่ไม่ค่อยนิ่ง (คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมากจาก VIRUS มากกว่า 80% ฮ่าๆๆๆ)

ก็หลังจากที่ลง Windows และ จัดการลง Application ใหม่ๆให้กับรุ่นน้องเรียบร้อยแล้ว รุ่นน้องก็บอกว่าอยากลง IE7 ส่วนผมนั้น โดยส่วนตัวแล้วไม่เปิด IE ใช้มาเกือบจะ 2 ปีแล้วมั๊ง (ปล่อยมันรกเครื่องไว้อย่างนั้นแหล่ะ เผื่อวันนึงมีเหตุจำเป็นต้องใช้)

ถามว่า ถ้าผมไม่ใช้ IE แล้วผมใช้อะไรครับ คำตอบผมคือ ตอนนี้ผมใช้ Browser อยู่ 2-3 ตัวครับ นั่นคือ FireFox, Google Chrome และ Opera (เรียงตามลำดับความถี่ในการใช้งานด้วยนะเนี่ย)

แล้วทำไมผมถึงตีจาก IE ทั้งๆที่มันแถมมากับ Windows แล้วอย่างนั้นหรือ ง่ายๆครับ มันมีชู้!!! เอ๊ย ม่ายช่ายยยยยยยย มันชอบ Error แบบโง่ๆครับ โดยเฉพาะ IE7 ด้วยแล้ว แถมด้วยมันยังทำให้ระบบทำงานได้ช้าเป็นพักๆซะด้วยนะครับ แล้วกว่าจะเรียกขึ้นมาได้ ก็น๊านนน นาานนนน (พูดอย่างกับโปรแกรมตัวอื่นเปิดได้เร็วงั้นแหล่ะ ฮ่าๆๆๆ)

แต่จริงๆแล้วตัวหลักที่ผมใช้คือ FireFox หรือที่ในวงการเค้าเรียกกันว่า หมาย่าง ครับ

Download Mozilla Firefox <<< Click

Download Google Chrome <<< Click

Download Opera <<< Click

สำหรับข้อดีของ Firefox นั้นมีหลักๆดังนี้ครับ
  1. Firefox สามารถจัดการกับโปรแกรมประเภท adware ได้เป็นอย่างดี
  2. Firefox สามารถ บล็อกไวรัส สปายแวร์และโฆษณา ที่ได้รับมาจากเว็บต่างๆได้เป็นอย่างดี
  3. Firefox มีความปลอดภัยเมื่อท่องเว็บ ซึ่งมันสามารถปฏิเสธโปรแกรมประเภทสปายแวร์ เวิร์มและไวรัส ได้
  4. ไฟล์ติดตั้งมีขนาดขนาดเล็ก ใช้เวลาในการดาวโหลดไม่นาน ทำงานได้เร็ว โหลดข้อมูลได้ไว
  5. มีการสนับสนุนภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ ระบบตรวจสอบ/ติดตั้ง Plug-In ต่างๆมากมาย
  6. มี extension ให้เลือกมากมาย ตามแต่ผู้ใช้ต้องการ
  7. มีการสนับสนุน การใช้งานได้หลากหลาย OS ทั้ง Window, MAC OS และ Linux
  8. มีความเสถียรสูงไม่ค่อยล่ม
  9. Firefox เป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างฉลาดในการทำงาน
  10. มีการออก patch แก้ปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และมีการเตือนให้ update โปรแกรมสม่ำเสมอ และ ที่สำคัญ การ update ก็สามารถทำได้ง่าย
  11. สำคัญสุดๆ Free ครับ และไม่โดนบังคับให้เลือกใช้เหมือน IE ฮ่าๆๆๆๆ
จริงๆแล้วข้อดีของ FireFox นั้นยังมีอีกมากครับซึ่งเรื่องพวกนี้นั้น ผู้ใช้ต้องไปหา และ ทำความคุ้นเคยกันเองครับ แต่ผมขอนั่งยัน และ นอนยันเลยครับว่า ของเค้าดีจริงๆ Confirm!!!!!

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 2 ความคิดเห็น

ตอนแรกกะว่าจะไม่เขียนเรื่องนี้แล้วนะเนี่ย แต่ว่า ขอเขียนหน่อยก็แล้วกัน เพราะปัจจุบันนี้ผมยังใช้ Palm T|T3 อยู่เลยครับ และ ยังชอบมันอยู่อย่างมากมายเลยล่ะ แต่ว่าหากใครนึกไม่ออกว่า Palm Tungsten T3 เป็นอย่างไร ก็ตามรูปข้างล่างเลยครับ

สามารถหาอ่าน Review ได้ที่ Palm Tungsten T3 Review

สำหรับผม เจ้า Palm Tungsten T3 เนี่ย มันอยู่กับผมมานานมากๆเลยล่ะ (นานกว่าแฟนด้วยนะเอ้อ) ส่วนตัวแล้วผมผูกพันกับเจ้านี่ผมสมควรเลยนะ เพราะมันช่วยผมได้ในหลายๆเรื่องตั้งแต่จดบันทึกต่างๆ มีเกมให้เล่นเวลาที่เบื่อ มีหนังให้ดู เวลาที่นั่งรอใครสักคน และ นอกจากนี้มันยังช่วยให้ผมได้ความรู้ต่างๆในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นซะด้วย

Palm Tungsten T3 สำหรับผมมันจึงเป็นมากกว่า PDA ธรรมดาๆ ที่หลายๆคนใช้ พอเบื่อ หรือ มีอะไรออกใหม่แล้วก็ขายทิ้ง เปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ๆ (สังเกตุได้จาก PDA มือ 2 ที่วางขายกันอยู่เกลื่อนกลาดตามห้างร้านต่างๆ ซึ่งบางคนที่ผมรู้จัก ก็ซื้ออุปกรณ์พวกนี้มาใช้เพียงเพื่อให้ดูแล้วเท่ห์ มีตังค์ ก็เท่านั้นเอง)

ผมยอมรับครับ ว่าตอนที่ซื้ออุปกรณ์พวกนี้มาใช้ใหม่ๆ ผมไม่ค่อยกล้าหยิบขึ้นมาใช้เท่าไหร่ เพราะมีความรู้สึกว่าเวลาหยิบขึ้นมาใช้แล้วมักมีสายตาแปลกๆมองมาเสมอๆประมาณว่า ไอ้นี่เว่อร์ว่ะ, มันจะเอามาอวดทำไมวะ อะไรประมาณนั้น แต่หลังๆพออุปกรณ์พวกนี้เกลื่อนขึ้น ก็เลยเห็นมีคนใช้กันจนเจนตา

เข้าเรื่องดีกว่า จริงๆ ผมอยากจะบอกว่า ผมที่ไม่เปลี่ยนเจ้า Palm Tungsten T3 ก็เพราะว่าหนึ่งนั้น เจ้า T3 ผมมันก็ยังใช้ได้ และ อีกหนึ่งนั้นคือผมรออุปกรณ์ตัวใหม่จากฝั่ง Palm อยู่ด้วย และ จากข่าวงาน CES 2009 ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง Palm ตัวใหม่ออกมา พร้อม OS ใหม่ของ Palm ที่ชื่อว่า WebOS ซึ่งจากที่ผมไปไล่ดู VDO การใช้งานจากหลายๆที่แล้วก็พบว่า มันน่าใช้จริงๆ (ถึงเวลาหยอดกระปุก) ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากจะเอามาให้เพื่อนๆได้ดูกันว่า ตอนนี้ วงการ Palm เป็นอย่างไรกันบ้าง ทีนี้ระหว่างที่เขียน Blog นี้อยู่ ก็เผอิญเข้าไปเจอในเว็บๆนึง เค้าได้ทำ Review ไว้แล้ว ผมจึงขอนำเรื่องราวที่เค้าได้ Review มา Post ต่อซะเลย (ขี้เกียจว่างั้นเหอะ ฮ่าๆๆๆๆ)

ยังไงรายละเอียดก็อยู่ข้างล่างครับ ติดตามกันได้เลย ^_^

จากข่าวเก่า Palm Nova (1, 2) ตอนนี้ข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน CES 2009 มาแล้วครับ

เริ่มจากตัวเครื่องของ Palm รุ่นใหม่มีชื่อว่า Palm Pre สเปกตามนี้

  • ซีพียู OMAP ของ TI (ยังไม่ทราบรายละเอียดรุ่น แต่โฆษณาว่า "Laptop like performance")
  • จอสัมผัส 3.1 นิ้ว ความละเอียด 320x480
  • พื้นที่สัมผัสนั้นเลยไปถึงส่วนตัวเครื่องที่อยู่ด้านล่างของจอ ซึ่งเรียกว่า Gesture area
  • กล้อง 3MP พร้อมแฟลชแบบ LED
  • 3G EVDO Rev A, UMTS HSDPA, Wi-Fi 802.11b/g
  • พื้นที่เก็บข้อมูล 8GB (ผู้ใช้ใช้ได้ 7.4GB)
  • คีย์บอร์ด QWERTY แบบสไลด์ลง
  • Bluetooth 2.1 + EDR with A2DP, MicroUSB, ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm มาตรฐาน
  • GPS ในตัว, Accelerometer
  • หนักประมาณ 135 กรัม
  • แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนเองได้, มีปุ่ม power (สองอันนี้พูดบนเวที Keynote ซัด iPhone เต็มๆ)
  • แท่นชาร์จแบบไร้สาย เรียกว่า Touchstone เป็นแม่เหล็ก (ขายแยกต่างหาก)

ดูรูปต่อด้านใน







มาดูฝั่งซอฟต์แวร์กันต่อ ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ที่มีรหัสว่า Palm Nova นั้นได้ชื่อจริงแล้วคือ Palm webOS แต่รายละเอียดยังออกมาไม่เยอะนักเมื่อเทียบกับ Palm Pre

  • Engadget ได้ข้อมูลมาว่า ฐานล่างเป็นลินุกซ์
  • แอพพลิเคชันเขียนด้วย HTML/CSS/JavaScript (ถึงได้ชื่อ webOS) ยังไม่มีข้อมูลของ SDK
  • ยังขาดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น การสนับสนุนเกม 3 มิติ
  • ตอนนี้ยังไม่น่าจะใช้แอพพลิเคชันของ Palm OS รุ่นก่อนๆ ได้
  • ฟีเจอร์ที่มีแน่ๆ ในตัว webOS
    • สมุดที่อยู่, อีเมล, IM, ปฏิทิน, Task, เครื่องคิดเลข
    • โปรแกรมดูรูปภาพ ดูหนัง ฟังเพลง
    • แผนที่
    • เว็บเบราว์เซอร์ (มีรายงานว่าเป็น WebKit)
  • Palm บอกว่าจะมี App Store ตามมาแน่นอน

สำหรับส่วนของการติดต่อสื่อสาร (สมุดที่อยู่, เมล, IM, ปฏิทิน) webOS จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Synergy ซึ่งออกมาเพื่อแก้ปัญหาคนที่มีหลายอีเมล+สมุดที่อยู่ (ที่โชว์มี 3 อันคือ Outlook, Gmail, Facebook) หลาย IM และหลายปฏิทิน (Outlook, Google Calendar) โดยเราล็อกอินทีเดียว แล้ว webOS จะแสดงข้อมูลรวมทั้งหมด พร้อมทั้งจัดการข้อมูลที่ซ้ำกันระหว่างแต่ละบัญชีให้อัตโนมัติ



วิธีการสลับหน้าจอของแต่ละโปรแกรม Palm webOS จะใช้ลักษณะคล้ายๆ กับ Safari ใน iPhone (แต่ใช้กับทุกโปรแกรม ไม่ใช่เฉพาะเบราว์เซอร์) โดยเรียกว่า card แทน window และใช้วิธีเลื่อน (flip) ซ้ายขวาแทน สามารถสัมผัสตรง gesture area ได้ ไม่ต้องกดตรงหน้าจอโดยตรง

เท่าที่ผมดูในวิดีโอของ Engadget ความเร็วในการสลับหน้าจอนับว่าลื่นมากทีเดียว ทางสต๊าฟของ Palm อธิบายว่าสามารถเปิดโปรแกรมได้ไม่จำกัดจำนวนตราบเท่าที่หน่วยความจำมีพอ

เว็บเบราว์เซอร์ก็ซูมหน้าจอได้ พลิกมาอ่านในแนวนอนได้ (ถ้าดูในวิดีโอตามลิงก์เมื่อกี้ ตอนพลิกไปแนวนอนก็ตอบสนองเร็วมาก)

ฟีเจอร์อื่นๆ ได้แก่พวกมัลติมีเดีย และแผนที่นำทางด้วย GPS


อย่างสุดท้ายคือมีระบบแจ้งเตือนหรือ notification ด้านล่างของหน้าจอ คล้ายๆ กับของ Android ซึ่งทาง Palm บอกว่าโปรแกรมภายนอกอื่นๆ ก็สามารถใช้ด้วยได้

รายละเอียดของ Palm Pre อย่างเป็นทางการ ขึ้นบนเว็บไซต์ของ Palm หมดแล้ว รายละเอียดอื่นๆ ดูได้จากหน้ารวมลิงก์เรื่อง Palm Pre ของ Engadget, ZDNet

คำถามสุดท้าย: ออกเมื่อไร ราคาเท่าไร

ในสหรัฐ Palm Pre จะใช้เครือข่าย 3G EVDO ของ Sprint ซึ่งไม่ใช่ระบบ GSM (แต่ทาง Palm ยืนยันว่าจะมีรุ่นสำหรับ GSM/HSDPA แน่นอน) วางจำหน่ายภายในครึ่งแรกของปี 2009 ราคายังไม่ระบุ

ปิดท้ายด้วยข่าวหุ้นของ PALM ขึ้นไป 35% (Engadget, ราคาหุ้นปัจจุบัน)

และ หากใครอยารู้ว่ามันต่างจาก iPhone แค่ไหนแล้วล่ะก็ คำตอบอยู่ข้างล่างครับ

เปรียบมวย Palm Pre vs iPhone vs G1

Palm Pre กลายเป็นมือถือที่ถูกจับตามองมากที่สุดในตอนนี้ และคำถามที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ น่าซื้อไหมเมื่อเทียบกับมือถือในระดับเดียวกันอย่าง iPhone และ T-Mobile G1

Gizmodo มีคำตอบ โดยแยกเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้

1) จอสัมผัส

iPhone กับ Palm Pre เท่านั้นที่สนับสนุนมัลติทัช (G1 ไม่มี) ส่วน Palm Pre ได้เปรียบอีกนิดตรงที่มี gesture area สัมผัสได้นอกจอด้วย

2) การทำงานแบบ multitasking

  • iPhone เรียกใช้ได้ครั้งละหนึ่งโปรแกรม
  • Android/G1 เรียกใช้ได้ครั้งละหลายโปรแกรม โดยสลับงานด้วย notifications drawer
  • Palm Pre เรียกใช้ได้ครั้งละหลายโปรแกรม สลับงานด้วยอินเทอร์เฟซที่เรียกว่า Cards ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับเรื่อง multitasking และเป็นจุดขายโดยเฉพาะ

3) ฮาร์ดแวร์

ทั้ง G1 และ Palm Pre มีคีย์บอร์ดแบบ QWERTY ซึ่งถ้าวัดกันในแง่ดีไซน์ เลยเป็นข้อจำกัดให้ไม่สามารถออกแบบเครื่องได้สวยเท่า iPhone ได้

4) แพลตฟอร์มการพัฒนา

Palm webOS ใช้ HTML/CSS/JavaScript ซึ่งเริ่มพัฒนาได้ง่าย แต่ก็มีคำถามตามมาว่ามันจะสร้างโปรแกรมที่ทรงพลังได้เท่า iPhone/Android ที่มี SDK เต็มรูปแบบหรือเปล่า? ส่วนถ้าเปรียบเทียบระหว่าง iPhone กับ Android ในตอนนี้ iPhone ก็ได้เปรียบเพราะมีฐานผู้ใช้กว้างกว่า

5) การเชื่อมต่อกับเว็บ

Palm webOS ถูกออกแบบมาโดยอิงกับบริการบนอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นจุดขายหลัก ก็ถือว่าด้านนี้ได้เปรียบกว่าอีก 2 เครื่องที่เหลือ

6) ชุมชนนักพัฒนาและ App Store

Palm ยังไม่ได้เผยรายละเอียดของ App Store มากนัก ประกาศแค่ว่าจะมีกระบวนการตรวจเช็คโปรแกรมที่จะเข้าสู่ App Store เหมือนกับของแอปเปิล แต่ว่าจะเช็คเฉพาะเรื่องความปลอดภัยและเสถียรภาพเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขหยุมหยิมแบบแอปเปิล ประเภท "แข่งกับ Mail.app" มาให้เสียกำลังใจ ซึ่งตรงนี้ Android ก็เหมือนกับ Palm คือเลี่ยงจุดอ่อนของแอปเปิลเหมือนกัน

แต่ถ้าวัดในเรื่องชุมชนการพัฒนาแล้ว iPhone ยังเป็นผู้นำอยู่

7) แท่นชาร์จไร้สาย

ถึงแม้ว่า Palm จะยังไม่ประกาศราคาของแท่นชาร์จไร้สาย แต่ก็ได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ไม่มีฟีเจอร์นี้อยู่แล้ว (ผมว่าเดี๋ยวก็มี)

8) คุณภาพของเครือข่าย 3G

โทรศัพท์ทั้ง 3 รุ่นใช้เครือข่ายในสหรัฐคนละยี่ห้อเลย

  • iPhone ใช้ AT&T
  • T-Mobile G1 ก็ตามชื่อ T-Mobile
  • Palm Pre ใช้ Sprint

Gizmodo บอกว่า Sprint ดีสุด อันนี้ผมไม่ได้อยู่ในสหรัฐก็ต้องเชื่อตามนั้น

9) คีย์บอร์ด

Gizmodo ออกตัวว่าเรื่องนี้เป็นความชอบส่วนบุคคล ถึงแม้ว่า Palm Pre และ G1 จะมีคีย์บอร์ดจริง แต่คุณภาพของคีย์บอร์ดก็ยังไม่ดีเท่าไรนัก (เมื่อเทียบกับ BlackBerry Bold ที่ถูกยกให้เป็นเจ้าด้านนี้) และ Palm Pre ก็ยังไม่มีคีย์บอร์ดบนหน้าจอให้อย่างที่ G1 มี

ผู้เขียนข่าวต้นฉบับบอกว่าส่วนตัวแล้วชอบ soft keyboard ของ iPhone ที่สุด

10) กล้องถ่ายภาพ

Palm Pre มีกล้อง 3MP พร้อมแฟลชแบบ LED ชนะเลิศ

11) แบตเตอรี่

iPhone ถอดเปลี่ยนไม่ได้ ส่วนของ G1 กับ Pre นั้นถอดเปลี่ยนได้ ถึงแม้ว่าแอปเปิลจะมีเหตุผลข้ออ้างมากมายว่าแบตเปลี่ยนไม่ได้นั้นดีอย่างไร แต่แบตเปลี่ยนได้นั้นดีกว่าเสมออยู่แล้ว

ก่อนจะมีสาวกมาถล่ม ขอยกข้อความต้นฉบับมาให้อ่าน เพราะผมไม่ได้ว่าเอง ถ้าโกรธเคืองก็ไปอัดกับ Gizmodo นะครับ

We've heard Apple's reasons for this a million times, we know the drill, but removable batteries will never stop being handy.

12) Copy & Paste

iPhone เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ไม่มีความสามารถนี้

13) เว็บเบราว์เซอร์

ทั้งสามเจ้าใช้ WebKit เหมือนกันหมด แต่ iPhone/Pre ได้เปรียบกว่าตรงสนับสนุนการซูมหน้าจอแบบมัลติทัช

ที่มา - Gizmodo

ไหนๆ มีข่าวเรื่อง Palm Pre แล้ว ผมรวบอีกข่าวจาก PC Magazine มาด้วยเลย เป็นการตอบคำถามคาใจ 15 ข้อเกี่ยวกับ Palm Pre ซึ่งขอคัดมาเฉพาะอันที่เป็นข้อมูลใหม่ดังนี้

  • Palm จะออกมือถือรุ่นอื่นๆ ในตระกูล webOS ที่มีราคาถูกกว่า Pre ตามมาในอนาคตแน่นอน
  • ลูกค้าในประเทศอื่นๆ จะได้ใช้ Pre หลังสหรัฐ 90 วัน-6 เดือน
  • Pre จะไม่มีโปรแกรมฝั่งเดสก์ท็อปมาให้ (เหมือน G1) แต่จะมีวิธีเอาข้อมูลจาก Outlook, Palm Desktop เดิม และ Palm Treo/Centro เข้ามาใน Pre ได้
  • Pre จะไม่สามารถรันโปรแกรมของ Palm OS รุ่นเดิมๆ ได้ แต่ Palm จะเปิดช่องให้บริษัทอื่นสามารถเขียน emulator ขายได้
  • ย้ายเพลง วิดีโอ และรูปภาพลง Pre ผ่าน USB mass storage โดยตรง ไม่ลำบากเหมือน iPhone และสามารถซื้อเพลงจาก Amazon MP3 Store ได้
  • SDK จะเรียกว่า Mojo โดยจะมี API พิเศษของ JavaScript ที่เข้าถึงฟังก์ชันของตัวเครื่องโดยตรงได้ อย่างไรก็ตามจะยังไม่สามารถทำงานบางอย่างได้ใน SDK 1.0 เช่นพวกเขียนข้อมูลลงใน frame buffer เป็นต้น
  • ตัวระบบปฏิบัติการเป็นลินุกซ์ แต่นักพัฒนาทั่วไปจะไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานได้โดยตรง
  • ฟอร์แมตวิดีโอที่สนับสนุนคือ RTSP, H.263, H.264 และทาง PC Mag เชื่อว่า Palm กำลังซุ่มพัฒนา Flash กับ Adobe อยู่
  • ข้อมูลเพิ่มเติมจะประกาศในงาน Mobile World Congress เดือนกุมภาพันธ์ และ CTIA เดือนมีนาคม

ที่มา - PC Magazine

สำหรับผมต้องบอกว่า อยากได้มากๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยครับ หลังจากที่ Palm Tungsten T3 มันสภาพแย่มากๆแล้ว แต่ก็นั่นแหล่ะ ปัญหามันอยู่ที่ว่า "เท่าไหร่"

เขียนโดย Şiłąncē Mőbiuş 0 ความคิดเห็น

โลกนี้ไม่ได้มีแต่ Microsoft และ Windows นะจะบอกให้

Subscribe here

เวลา ไม่เคยคอยใคร